วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555

ไทยส่งออกน้ำมันดิบ 5

พลังงานไทย อภิมหาขุมทรัพย์ หรือ ความลับที่คนไทยไม่มีสิทธิ์เอื้อม
เบื้องลึกพลังงานที่คนไทยต้องรู้
เมื่อเราตรวจดูว่าเจ้าพนักงานของรัฐคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ ในธุรกิจพลังงานบ้าง ก็ต้องตกใจอีกครั้งที่พบว่าข้าราชการระดับสูงในกระทรวง แห่งนี้นั่งเป็นกรรมการบริษัทน้ํามันกันถ้วนหน้า ตั้งแต่ปลัดกระทรวงฯ รองปลัดกระ ทรวงฯ อธิบดีและผู้ตรวจราชการ โดยได้รับค่าตอบแทนในหลายรูปแบบไม่ว่าจะ เป็นเบี้ยประชุม โบนัสกรรมการ การได้สิทธิ์ซื้อหุ้นต่ํากว่าราคาตลาด และผล ประโยชน์อื่นที่ไม่ใช่ตัวเงินอีกมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับอัตราเงินเดือนข้าราชการแล้ว นับว่าต่างกันลิบลิ่ว
ประเด็นนี้เองอาจเป็นคําตอบของปัญหาทั้งหมด เนื่องจากสามารถนําไปสู่ การครอบงํานโยบายรัฐโดยธุรกิจพลังงาน การกระทําเช่นนี้ทําให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องเล่นสองบทบาทที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest) อย่างมาก คือ บทบาทของกรรมการบริษัทที่ต้องสร้างกําไรสูงสุดให้กับธุรกิจ และ บทบาทของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะต้อง กํากับดูแลธุรกิจ กําหนดนโยบายของรัฐซึ่ง ส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจ สร้างความเป็นธรรมต่อการแข่งขันระหว่างผู้ผลิต และ สร้างความเป็นธรรมต่อผู้บริโภค สําหรับในประเทศที่พัฒนาแล้ว เราจะไม่พบการ เล่นสองบทบาทในเจ้าหน้าที่ของรัฐเนื่องจากขัดกับหลักธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง เพราะเจ้าพนักงานของรัฐต้องทําหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนอย่างแท้จริง
อย่าปล่อยให้สมบัติของคนไทยตกเป็นของใครบางคน
กรณีการกํากับดูแลสมบัติสาธารณะด้านพลังงานนี้นับเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง ที่นโยบายของรัฐตกอยู่ภายใต้เงาของกลุ่มทุนสามานย์ที่มุ่งแสวงหากําไรจนเกิน เลยขอบเขตของคําว่า ”คุณธรรม” แนวนโยบายของรัฐจํานวนมากจึงอยู่ตรงข้าม กับผลประโยชน์ของชาติและสังคมส่วนรวม ดังนั้น คนไทยทุกคนจึงควรถามตนเอง ว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราควรสนใจดูแลทรัพยากรอันมีค่าที่พ่อของแผ่นดินได้ พระราชทานให้เราไว้ ไม่ว่าจะเป็น น้ํามันดิบ และก๊าซธรรมชาติ ที่เราปล่อยปละ ละเลยมานานว่า 80 ปีโดยเข้าใจว่าคงมีข้าราชการดีๆมีความกตัญญูต่อชาติมาทํา หน้าที่ดูแลทรัพย์ของแผ่นดินแทนเรา แต่ความจริงข้าราชการขี้ฉ้อเหล่านี้กลับ ทดแทนคุณชาติด้วยการร่วมกันปล้นสมบัติประชาชนไปสร้างความมั่งมีให้คนเพียง หยิบมือ
ดังนั้น การปลุกจิตสํานึกสาธารณะของคนไทยให้ลุกขึ้นมารักษาสิทธิ์ในการ รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อปกป้องสมบัติของตนเองจึงเป็นความสําคัญอย่างยิ่งยวด ต่อความอยู่รอดของชาติเพราะจะนําไปสู่การสร้างระบบธรรมาภิบาลที่แท้จริงให้ แก่ระบบราชการและการเมืองไทย ดังนั้น หน้าที่ของคนไทยวันนี้คือการเผยแพร่ ข้อมูลทรัพย์ของแผ่นดินนี้ให้มากที่สุดก่อนที่จะสาย เพราะเมื่อถึงวันนั้น ประชาชน เจ้าของแผ่นดินก็คงต้องจมปลักกับความยากจนอย่างถาวรตลอดไป 

ไทยส่งออกน้ำมันดิบ 4

พลังงานไทย อภิมหาขุมทรัพย์ หรือ ความลับที่คนไทยไม่มีสิทธิ์เอื้อม
และคูเวต (39) ในส่วนน้ํามันดิบและก๊าซธรรมชาติเหลวนั้น ประเทศไทย สามารถผลิตได้ในลําดับที่ 32 ของโลก อยู่ในอันดับติดกับประเทศเอกวาดอร์ (31) ซึ่งอยู่ในกลุ่มประเทศ OPEC นอกจากนี้ประเทศไ 

ไทยส่งออกน้ำมันดิบ 3

พลังงานไทย อภิมหาขุมทรัพย์ หรือ ความลับที่คนไทยไม่มีสิทธิ์เอื้อม
สรุปว่ารัฐอนุญาตให้ผู้รับสัมปทานขุดเจาะน้ํามันส่งออกน้ํามันดิบของไทย ไปขายต่างประเทศ ทั้งที่ไทยยังมีความต้องการน้ํามันดิบในปริมาณสูง จึง เท่ากับเป็นการสูญเสียถึงสองด้านคือ ไทยต้องนําเข้าน้ํามันดิบจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นเพื่อมาขายคนไทยในราคาตลาดโลก ขณะที่กําไรจากการขายน้ํามันดิบ ไทยตกอยู่กับผู้รับสัมปทานต่างชาติและเอกชนไทยเพียงบางกลุ่ม จากประเด็น นี้จึงเกิดข้อสงสัยว่า จุดมุ่งหมายของการให้สัมปทานสํารวจและผลิต น้ํามันดิบ และก๊าซธรรมชาติของกระทรวงพลังงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนไทยจริง หรือ???
ผลประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการเจาะมันต่ําที่สุดในเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้
คําพูดว่าเมืองไทยมีน้ํามันดิบและก๊าซธรรมชาติน้อยมากไม่คุ้มค่าแก่การ ลงทุนเป็นคําพูดจากปากทั้งนักการเมืองและข้าราชการขี้ฉ้อที่คุ้นหูคนไทยอย่าง เราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่จากข้อมูลของสถาบัน Energy Information Administration (EIA) ของรัฐบาลสหรัฐฯ พบว่า ในปี 2553 ประเทศไทย สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในลําดับที่ 24 ของโลกจากกว่า 220 ประเทศ ซึ่งอยู่ในอันดับทึ่ดีกว่าประเทศไนจีเรีย (25) เวเนซูเอลา (26) โอมาน (27) ลิเบีย (28) ยูเครน (30) โบลิเวีย (33) พม่า (36) บาห์เรน (37) บรูไน (38) 

ไทยส่งออกน้ำมันดิบ 2

พลังงานไทย อภิมหาขุมทรัพย์ หรือ ความลับที่คนไทยไม่มีสิทธิ์เอื้อม
การค้นหายิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อความจริงที่ไทยเป็นผู้ส่งออกน้ํามันดิบกับ
สิ่งที่คนไทยถูกฝังหัวกลับตรงกันข้ามราวฟ้ากับเหว ซึ่งนับว่าน่าแปลกใจอยู่ไม่ น้อย เพราะหากพลังงานในประเทศมีไม่เพียงพอต่อคนไทยเอง เหตุใดหน่วย งานของรัฐจึงอนุญาตให้มีการส่งออกน้ํามันดิบกันได้อย่างไร??? แล้วใครกันที่ ได้ประโยชน์จากการส่งออกนี้??? ซึ่งคําตอบก็คงไม่ใช่ประชาชนตาดําๆอย่าง เราๆท่านๆที่ได้ประโยชน์ เพราะหากประโยชน์ตกเป็นของคนไทยจริง ความ ยากจนคงสาบสูญจากแผ่นดินไทยไปนานแล้วอย่างแน่นอน
การขุดน้ํามันในประเทศกับการใช้น้ํามันของคนไทย
เดือนมกราคม 2555 คนไทยใช้น้ํามันเบนซิน ดีเซล และก๊าซหุงต้ม ทั้ง 3ชนิด รวมกัน 620,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่ผลผลิตจากแผ่นดินไทยที่นํา มากลั่นเป็นน้ํามันเบนซิน และดีเซล คือ
1) น้ํามันดิบ
2) คอนเดนเสทจากหลุมก๊าซธรรมชาติ 3) ก๊าซโซลีนธรรมชาติจากโรงแยกก๊าซ
เมื่อนํามารวมกับก๊าซหุงต้มจากโรงแยกก๊าซ จะมีพลังงานไทย(ที่ไม่รวม ก๊าซธรรมชาติ)ให้คนไทยใช้ทั้งสิ้น 350,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเท่ากับ 58%ของปริมาณการใช้พลังงานชนิดนี้ของคนไทย ส่วนที่เหลือจึงนําเข้าจากต่าง ประเทศ ดังนั้นหากบริหารจัดการที่ถูกต้องไทยจะนําเข้าน้ํามันให้คนไทยใช้เพียง 42% เท่านั่น แล้วเหตุใดคนไทยจึงต้องเติมน้ํามันราคานําเข้าจากสิงคโปร์!!! 

ไทยส่งออกน้ำมันดิบ ไปอเมริกา อันดับที่ 39

พลังงานไทย อภิมหาขุมทรัพย์ หรือ ความลับที่คนไทยไม่มีสิทธิ์เอื้อม
ไทยเป็นผู้ส่งออกน้ํามันดิบ!!! “พลังงานไทย” อภิมหาขุมทรัพย์ หรือ ความลับที่คน
ไทยไม่มีสิทธิ์เอื้อม !!! ไทยเป็นผู้ส่งออกน้ํามันดิบ!!!
เวลาที่เห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่ามีการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติและ น้ํามันดิบในแผ่นดินไทย เรามักจะรู้สึกดีใจว่าประเทศเราก็มีแหล่งพลังงานเป็น ของตนเอง แต่วันแล้ววันเล่าคนไทยยังคงต้องเติมน้ํามันที่แพงขึ้นทุกวันโดยที่ หน่วยงานพลังงานของรัฐออกมาสนับสนุนว่าเป็นราคาที่เหมาะสมเพราะเป็นไป ตามราคาตลาดโลกซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ส่วนคนที่หวังว่าจะร่ํารวยจากที่ดินที่ตั้งอยู่บนบ่อน้ํามันคงต้องพบกับความผิด หวังเพราะกฎหมายไม่ได้ให้สิทธิ์แก่เจ้าของที่ดินแต่อย่างใด ส่วนที่หวังจะขาย ที่ดินให้ผู้ขุดเจาะน้ํามันก็คงจะยากเพราะแท่นขุดเจาะก็ใช้ที่เพียงไม่กี่ไร่แต่ สามารถดูดน้ํามันใต้ดินได้เป็นบริเวณกว้าง ทําให้สังคมเกิดคําถามขึ้นว่า ประชาชนคนไทยได้ประโยชน์อะไรจากแหล่งพลังงานเหล่านี้??? น้ํามันที่ขุดได้ จากแผ่นดินไทยหายไปไหน??? ถ้าประโยชน์ไม่ตกอยู่กับประชาชนก็ควรตกอยู่ กับประเทศเพราะเป็นสมบัติของคนทั้งชาติที่พระเจ้าแผ่นดินได้พระราชทานให้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ดังนั้น คนไทยทุกคนจึงควรมาค้นหาคําตอบ เผื่อว่าอาจจะ เป็นทางออกในการแก้ปัญหาพลังงานของชาติอย่างยั่งยืนก็เป็นได้
จากข้อมูลกระทรวงพลังงานพบว่า ในเดือน มกราคม 2555 ประเทศไทย มีการผลิตน้ํามันดิบและก๊าซธรรมชาติได้มากถึง 895,820 บาร์เรลต่อวัน ส่ง ออกน้ํามันดิบและส่งออกน้ํามันสําเร็จรูป 300,000 บาร์เรลต่อวัน หากดูข้อมูล ย้อนหลังไปคนไทยก็คงต้องช็อกเนื่องจากไทยส่งออกน้ํามันดิบไปตลาดโลกมา 13 ปีแล้ว โดยในปี 2546 ส่งออกมากถึง 24 ล้านบาร์เรล และส่งออกน้ํามัน สําเร็จรูปอย่างต่อเนื่องโดยในปีนี้คาดว่าจะมากถึง 75 ล้านบาร์เรล!!! นับเป็น ตัวเลขที่สูงจนต้องตะลึง ซึ่งขัดกับคําพูดของบิ๊กในกระทรวงพลังงานและปตท. ที่มักออกมาตอกย้ําเสมอว่าไทยขาดแคลนพลังงานและยังต้องพึ่งพิงการนําเข้า อย่างมาก (หากต้องการทราบว่าเป็นกี่ลิตรก็นําจํานวนบาร์เรลคูณด้วย 159 ลิตร ต่อ 1 บาร์เรล)